ตัวอย่างข้อสอบการอ่าน N1พร้อมเฉลย #2
日本の伝統的な価値観の一つに「和(わ)」がある。これは、争いを避け、集団の調和を保つことを重視する考え方であり、古くから日本社会の根幹を成してきた。この「和」の精神は、家庭、学校、職場など、あらゆる場面で見られ、日本人の行動様式や意思決定に大きな影響を与えている。
例えば、会議の場では、意見の対立をあえて表に出さず、参加者が暗黙のうちに同意する形で物事が進められることが多い。また、個人の主張よりも全体の雰囲気や空気を読むことが優先される場面も多く見られる。このような文化は、外部から見ると非効率的に映ることもあるが、当事者にとってはストレスの少ない方法とされることも多い。
しかし、グローバル化が進む現代においては、「和」の価値観だけでは対応できない場面も増えてきている。多様な背景を持つ人々が関わる環境では、意見をはっきり述べたり、異なる価値観を認め合ったりすることが重要になる。そうした場では、「和」だけに固執することが、かえって摩擦を生む原因になりかねない。
したがって、現代の日本人には、「和」を大切にしつつも、それに加えて対話力や自己主張力を養うことが求められている。伝統的な価値観と現代的なスキルのバランスを取ることが、今後ますます重要になるだろう。
問1:筆者が「和」の価値観について述べているのはどのようなことか?
- 「和」は日本社会においてもはや意味を持たない概念である。
- 「和」はストレスの多い社会構造を生む原因となっている。
- 「和」は日本人の行動や判断に大きな影響を与えている。
- 「和」は外国人にとっては理解しやすい考え方である。
✅ 正解:3
【選択肢の意味】
- “วะ” เป็นแนวคิดที่ไม่มีความหมายแล้วในสังคมญี่ปุ่น
- “วะ” เป็นสาเหตุให้สังคมเกิดความเครียด
- “วะ” มีอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจของคนญี่ปุ่น
- “วะ” เป็นแนวคิดที่ชาวต่างชาติสามารถเข้าใจได้ง่าย
問2:「和」だけでは対応できない場面とはどのようなものか?
- 家族や学校内での問題
- 同じ国籍の人々による集団活動
- グローバルな環境での多様な価値観のやりとり
- 地域社会でのボランティア活動
✅ 正解:3
【選択肢の意味】
- ปัญหาภายในครอบครัวหรือโรงเรียน
- กิจกรรมกลุ่มที่คนในชาติเข้าร่วมกันเอง
- การแลกเปลี่ยนแนวคิดในสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
- การทำงานอาสาสมัครในชุมชนท้องถิ่น
問3:筆者は現代の日本人に何を求めているか?
- 「和」を捨てて、西洋的な価値観に完全に従うこと
- 「和」を保ちつつ、自己主張力や対話力も養うこと
- 対話力よりも沈黙の美徳を重視すること
- 異文化交流を避け、日本の伝統を守ること
✅ 正解:2
【選択肢の意味】
- ทิ้ง “วะ” และทำตามค่านิยมตะวันตกอย่างเต็มที่
- รักษา “วะ” ไว้ พร้อมกับพัฒนาทักษะการแสดงออกและการสื่อสาร
- ให้ความสำคัญกับความเงียบมากกว่าทักษะการพูดคุย
- หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์ข้ามวัฒนธรรม และรักษาประเพณีญี่ปุ่นไว้
問4:この文章全体の主旨に最も近いものはどれか?
- 日本の伝統的価値観は現代には不要である
- グローバル化は日本文化の障害となる
- 現代の日本人には伝統と現代のバランス感覚が必要である
- 日本社会は外国文化を拒否すべきである
✅ 正解:3
【選択肢の意味】
- ค่านิยมดั้งเดิมของญี่ปุ่นไม่จำเป็นในยุคปัจจุบัน
- โลกาภิวัตน์คืออุปสรรคต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่น
- คนญี่ปุ่นยุคใหม่ต้องมีความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างของเก่ากับของใหม่
- สังคมญี่ปุ่นควรปฏิเสธวัฒนธรรมจากต่างชาติ
(คำแปลเนื้อเรื่อง)
หนึ่งในคุณค่าทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นคือ “วะ (和)” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและการรักษาความกลมเกลียวในกลุ่ม แนวคิดนี้ถือเป็นแก่นของสังคมญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน และส่งอิทธิพลต่อรูปแบบการปฏิบัติตัวและการตัดสินใจของคนญี่ปุ่นในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว โรงเรียน หรือที่ทำงาน
ตัวอย่างเช่น ในที่ประชุม มักมีการหลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันอย่างเปิดเผย และมักดำเนินเรื่องโดยอาศัยการเห็นพ้องโดยนัย มากกว่าการอภิปรายตรงไปตรงมา นอกจากนี้ ยังมีหลายสถานการณ์ที่การอ่านบรรยากาศหรือความรู้สึกของกลุ่มสำคัญกว่าการแสดงความคิดเห็นของแต่ละบุคคล วัฒนธรรมเช่นนี้ อาจดูไม่มีประสิทธิภาพในสายตาคนนอก แต่สำหรับผู้ที่อยู่ภายในกลับมองว่าเป็นวิธีที่ไม่สร้างความเครียด
อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบันที่โลกาภิวัตน์ก้าวหน้า มีสถานการณ์เพิ่มมากขึ้นที่แนวคิด “วะ” เพียงอย่างเดียวไม่สามารถรับมือได้ สภาพแวดล้อมที่มีคนจากหลากหลายพื้นเพเข้ามาเกี่ยวข้อง จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการแสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจน และการยอมรับความแตกต่าง หากยึดติดกับ “วะ” มากเกินไป อาจกลายเป็นต้นตอของความขัดแย้งเสียเอง
ดังนั้น คนญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันจึงจำเป็นต้องรักษาคุณค่าของ “วะ” ไว้ พร้อมกับพัฒนาทักษะในการสื่อสารและกล้าแสดงความคิดเห็น เพื่อหาจุดสมดุลระหว่างค่านิยมดั้งเดิมกับทักษะสมัยใหม่ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในอนาคต